คุณมีประโยคเด็ดๆของธุรกิจคุณหรือยัง?
“ธุรกิจของคุณทำอะไร” “ช่วยอะไรผมได้บ้าง” เป็นคำถามที่ลูกค้าเป้าหมายชอบถามคุณเกี่ยวกับธุรกิจใช่ไหมครับ แล้วคุณก็จะตอบไปทีล่ะข้อ “ธุรกิจผมทำธุรกิจเกี่ยวกับวางแผนโฆษณา” “ธุรกิจผมจะช่วยให้กิจการของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น” และอื่นๆ สารพัดคำถามเกี่ยวกับธุรกิจที่กลุ่มเป้าหมายจะถามคุณ ลองคิดดู หากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคุณมีสัก 100 คุณ คุณไม่ต้องตอบไปทั้ง 100 คนเลยหรือ เหนื่อยน่าผมว่า แทนที่จะเป็นแบบนั้น คุณไม่ลองคิดประโยคเด็ดๆ อะไรสักใจความหนึ่ง เอาไว้พูดซ้ำๆ และประโยคนั้นสามารถสื่อทุกถามของลูกค้า ในความสงสัยได้ มันจะมีพลังมากมายแค่ไหนในการสื่อสารแบรนด์ และสินค้าของคุณ
การเขียนประโยคเด็ดๆ ของธุรกิจของคุณก็เหมือนกับการเขียน “ล็อคไลน์” ภาพยนตร์ ตัวอย่างเช่น ” จอห์น วิค ล้างแค้นในสิ่งที่สภาสูง และคนที่ไว้วางใจที่สุดทำกับเขา ด้วยการวางแผนล้มสภาและล้างแค้นให้สาสม การล้างแค้นที่เดิมพันด้วยชีวิตนี้ จะสำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ในโรงภาพยนตร์ ” เป็นไงครับ นี่ขนาดที่คุณอ่าน คุณยังมีอารมณ์ร่วม อยากดูเสียแล้ว เพราะไม่ต้องถามข้อมูลอะไรเยอะแยะเลย ล็อคไลน์หนัง จอห์น วิค บอกไว้อย่างเสร็จสัพ และจูงใจด้านอารมณ์ได้ดีมาก
เอาล่ะ มาพูดกถึงประโยคเด็ดๆ ของสินค้า และธุรกิจของคุณบ้าง ขอบอกไว้ก่อนว่า หากคุณมีประโยคเด็ดแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำเลยคือ นำประโยคเด็ดของคุณ เข้าไปในทุกๆ อณู ทุกๆ กิจกรรม พนักงานในบริษัทคุณทุกคนจะต้องพูดประโยคเด็ดของธุรกิจนี้ได้อย่างขึ้นใจ คุณคิดดูซิว่า ถ้าทุกคนในธุรกิจของคุณสามารถพูดซ้ำในประโยคเด็ดได้ ทุกคนจะแปรเปลี่ยนสภาพเป็นกองทัพนักขาย ที่จะคอยแนะนำและขายสินค้าให้คุณ และจะช่วยส่งต่อเรื่องราวของธุรกิจและสินค้าออกไปอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว พูดซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ทำให้เกิดการกระจายของสื่อออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลดีกับการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน ฉะนั้นเรามาเริ่มวิธีการคิดประโยคเด็ดของธุรกิจของคุณกันดีกว่า
องค์ประกอบของประโยคเด็ดประจำธุรกิจคุณ จะต้องประกอบด้วยการสื่อสารทั้ง 4 อย่างนี้ลงไปครับ
1. ลูกค้าของคุณคือใคร?
ยกตัวอย่างสมมุติว่า กลุ่มตัวอย่างของคุณคือ กลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน ที่ไม่มีเวลาออกไปซื้อของข้างนอก เนื่องจากต้องดูแลลูก ดูแลหลาน ทำงานบ้าน ไม่สะดวกไปซื้อของจากหลายๆ ที่ ซึ่งคุณจะขายบริการซื้อของที่พวกเขาต้องการจากหลายๆ ที่ โดยที่เขาไม่ต้องออกไปซื้อสินค้าจากหลายๆที่ด้วยตนเอง ประโยคเด็ดของคุณอาจจะเป็น ” เราช่วยให้คุณแม่บ้าน พ่อบ้าน ที่มีงานล้นๆในแต่ล่ะวัน ได้รับสินค้าที่ต้องการจากหลายๆที่ ด้วยการบอกเราแค่ครั้งเดียว พร้อมกับเวลาของคุณที่มากขึ้น สบายขึ้น” เป็นต้น เป็นไงเริ่มเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับ
2. พวกเขามีปัญหาอะไร?
ผมขอบอกไว้อย่างน่ะ คุณไม่ต้องเกรงใจ และไม่ควรหลีกเลี่ยงในการพูดถึงความยากลำบาก ความไม่สะดวกของลูกค้า ให้ระบุปัญหาออกมาเลย เพื่อจะเป็นการกระตุ้นความคิดที่มีอยู่ของลูกค้า เช่น ใช่แล้ว ฉันเบื่อ ฉันเซ็ง ฉันเครียดมาก วันๆ ไม่มีเวลาไปซื้อของเลย พอไปซื้อของกลับมาจากหลายๆ ที่ก็แทบหมดแรง ก็ยังต้องมาทำงานบ้าน ทำอาหารให้ลูกอีก คุณมีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ให้ฉันไหมล่ะ”
การเปิดประเด็นปัญหาของลูกค้า เท่ากับเป็นการเปิดเรื่องขึ้น ลูกค้าจะมองมาที่คุณเพื่อให้มาช่วยในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นของเขา ฉะนั้น อย่าเกรงใจ ที่จะพูดปัญหาของลูกค้าที่เขาพบเจอ
3. แผนการที่คุณจะช่วยพวกเขาเป็นยังไงล่ะ?
คุณไม่จำเป็นต้องบอกแผน ร่ายแผนทั้งหมดลงไปในประโยคเด็ดของคุณ เพียงแต่คุณบอกเพียงบางส่วนที่เป็น Point หลัก บอกใบ้สักนิดก็พอ เช่น สำหรับพ่อบ้าน แม่บ้าน ที่ไม่มีเวลาในการออกไปซื้อของจากหลายๆที่ บอกรายการของที่ต้องการให้เราเพียงครั้งเดียว คุณก็ได้ของที่ต้องการ ในเวลาที่คุ้มค่า เมื่อลูกค้าคุณได้เห็นประโยคเด็ดของคุณก็จะ ว้าว สามารถช่วยฉันได้จริงหรือ ลองติดต่อหน่อยดีกว่า ไหนเบอร์ เท่ากับว่าคุณสร้างความหวังในการแก้ไขปัญหาให้เขาแล้วน่ะ
4. แล้วชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากคุณแล้ว?
คุณจะต้องทำให้ลูกค้าเห็นภาพว่า ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรหลังจากได้ใช้บริการจากสินค้าของคุณแล้ว หากเป็นคุณแม่บ้าน พ่อบ้าน ชีวิตของเขาจะดีขึ้นคือ มีเวลามากขึ้นให้กับครอบครัว ทำกิจกรรมต่างๆได้มากขึ้นไม่ต้องคอยเร่งรีบตลอดเวลา มีเวลาในการดูแลตัวเองมากขึ้น สุขภาพจิตแจ่มใจมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งผลที่เกิด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา ซึ่งมันเจาะเข้าไปในใจเขา คุณต้องสร้างภาพนี้ให้ชัดในประโยคเด็ดของคุณ
ใส่ข้อมูลทั้งหมดนี้ จัดเรียงเข้าไปในประโยคเด็ดของคุณ เอาให้ชัดเจนไม่ต้องเกรงใจให้มากมาย ประโยคเด็ดๆ คือ จะต้องตรงประเด็น เข้าใจง่าย และสามารถพูดซ้ำไป ซ้ำมา ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถรู้สึกได้ว่า ตนอยู่ในเรื่องราวนี้ ที่ธุรกิจนั้นกำลังเล่าอยู่ และเราเข้าใจในปัญหาของเขาแล้ว พร้อมช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ครับ